วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

บทที่ 2 ความหมายและประเภทของคอมพิวเตอร์

1.ความหมายของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถอ่าน และบันทึกข้อมูลตลอดจนรับคำสั่ง เพื่อแก้ไขปัญหาหรือทำการคำนวณที่สลับซับซ้อน และแสดงผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ
2.ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์
2.1 คอมพิวเตอร์กับการใช้งานของภาครัฐ คือ การเอาคอมพิวเตอร์เข้ามาประยุกต์ใช้งานทะเบียนราษฎร์ เช่น แจ้งเกิด ตาย ย้ายที่อยู่ เปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนตัวอื่น ๆ
2.2 คอมพิวเตอร์กับงานธรุกิจทั่วไป คือ การนำเอาคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้งานเพื่อประโยชน์ของการประมวลที่รวดเร็ว ตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
2.3 คอมพิวเตอร์กับงานสายการบิน คือ การนำเอาระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้เกี่ยวกับเรื่องการสำรองที่นั่งผู้โดยสาร ซึ่งสามารถทำให้การตรวจเช็ครายการต่าง ๆ เกี่ยวกับเที่ยวบินทำให้งานง่ายและสะดวกมากขึ้น
2.4 คอมพิวเตอร์กับงานด้านการศึกษา ปัจจุบันการศึกษาได้ให้ความสำคัญการนำเอาคอมพิวเตอร์มาใช้ในการสอนคือ E-Education และรูปแบบการเรียนการสอนที่มาใช้เป็นสื่อการสอน (CAI: Computer Assisted Instrution) และ E-Learning เป็นการใช้ระบบเครื่อข่ายอินเตอร์เน็ตให้กับผู้เรียนที่อยู่ห่างไกลหรือไม่สะดวกในการเข้าเรียน
2.5 คอมพิวเตอร์กับธุรกิจการนำเข้าและส่งออก สามารถใช้ระบบ EDI (Electronic Data Inter change) มาใช้ในการออกเอกสารเป็นไปได้ง่ายยิ่งขึ้น หรือการใช้ E-Commerce ในการซื้อขายสินค้าได้ทั่วโลกและลดเวลาที่จะมาซื้อด้วยตนเอง
2.6 คอมพิวเตอร์กับงานธนาคาร นำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการให้บริการที่เรียกกันว่า "ธนาคารอิเล็กทรอนิกส์" E-Banking เพื่อความสะดวกสบายหรือการใช้
2.7 คอมพิวเตอร์กับงานวิทยาศาสตร์ เป็นการนำเอาคอมพิวเตอร์มาใช้ช่วยในการคำนวณและจำลองแบบ ได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ
2.8 คอมพิวเตอร์กับงานการแพทย์ เป็นการทำงานที่มีการนำเอาคอมพิวเตอร์มาใช้งานในการวินิจฉัยโรคและตรวจสอบอาการของคนไข้
3.ประเภทของคอมพิวเตอร์
1.แบ่งตามลักษณะของข้อมูล มี 3 ประเภท
1.1อนาล๊อกคอมพิวเตอร์ เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้เฉพาะอย่าง การทำงานใช้หลักการวัดข้อมูลที่ป้อนเข้าไปต้องเป็นข้อมูลไฟฟ้าที่มีค่าต่อเนื่อง ค่าสัญญาณไฟฟ้าอาจแทนอุณหภูมิความเร็วหรือความดัน การรับข้อมูลอาจจะรับจากแหล่งที่เกิดโดยตรง แล้วจะแสดงผลลัพธ์ออกมาทาง จอภาพ สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมากเหมือนกับดิจิตอล
1.2 ดิจิตอลคอมพิวเตอร์ เป็นคอมพิวเตอร์โดยใช้หลักกการนับ ข้อมูลที่ป้อนเข้าไปต้องเป็นตัวเลขและให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นตัวเลขดิจิตอล มีความละเอียดถูกต้องในการคำนวณมากกว่าอนาล็อกคอมพิวเตอร์สามารถเก็บข้อมูลได้เป็นจำนวนมาก
1.3 ไฮบริดคอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานกับเฉพาะอย่าง การทำงานจะใช้เทคนิคของอนาล็อกและดิจิตอลมาผสมกัน
2. แบ่งตามขนาดและความสามารถมี 5 ประเภทคือ
2.1 ซูปเปอร์คอมพิวเตอร์ เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงสุด และมีราคามแพงที่สุด เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีสมรรถนะสูง สามารถทำให้การประมวลผลในงานต่าง ๆ กันในเวลาพร้อมกันภายใน 1 นาที
เทียบกับคอมพิวเตอร์เครื่อง PC อาจใช้เวลาหลายสัปดาห์
2.2 เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ ทำงานร่วมกับอุปกรณ์หลาย ๆ อย่างด้วยความเร็วสูงใช้งานในธุรกิจขนาดใหญ่ สามารถเก็บข้อมูลที่มีปริมาณมาก ๆ
2.3 มินิคอมพิวเตอร์ เป็นคอมพิวเตอร์ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้กับงานเฉพาะอย่าง ใช้ในการสื่อสารข้อมูล ถูกนำมาใช้ในการประมวลผลคำ งานในโรงงานอุตสาหกรรมที่ควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติและใช้กับโปรแกรมประยุกต์ในการทำงาน หลาย ๆ อย่าง
2.4 ไมโครคอมพิวเตอร์ เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีผู้นิยมกันใช้กันมากที่สุด เพราะมีราคาถูก หรือเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล หรือเรียกสั้น ๆ ว่า "เครื่อง PC"
2.5 คอมพิวเตอร์มือถือ เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็ก แต่ขีดจำกัดความสามารถ มีหน่วยความจำไม่มาก คอมพิวเตอร์มือถือมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า "พ็อกเก็ตพีซี"
4. คอมพิวเตอร์ยุคใหม่ เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ตัวรุ่นใหม่ ๆ มีการปรับปรุงขนาดให้เล็กลงและมีรูปแบบที่แปลกตามากยิ่งขึ้น มีการออกแบบที่เน้นรูปแบบภายนอก มีการเชื่อมต่ออุปกรณ์สมัยใหม่สามารถชมรายการภาพยนตร์ดังได้อย่างชัดสีสวยสมจริง รวมถึงสื่อเก็บบันทึกข้อมูลแบบพกพา ที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้งานไว้ เช่น คอมพิวเตอร์โน้ตบุคยุคใหม่
4.1 เดสก์ท๊อป เป็นคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะที่ใช้ในสำนักงานหรือตามบ้านทั่วไป นิยมใช้สำหรับพิมพ์รายงาน หรือการใช้งานทั่วไป
4.2 โน้ตบุ๊คยุคใหม่ เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กและบางลง น้ำหนักเบาเพียง 1 กิโลกรัม ใช้แบตเตอรี่ 3-cell เนื่องจากใช้จอแสดงผลขนาด 11.1 นิ้ว และใช้ออปติคอลไดรว์แบบภายนอกแทนที่จะอยู่ในตัวเครื่อง ทำให้สามารถพักพาได้สะดวกมากขึ้น
4.3 เดสก์โน้ต หรือเพาเวอร์โน้ต เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา ที่มีรูปลักษณ์คล้ายกับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ต ลักษณะของโน้ตบุคเปรียบเสมือนการย่อส่วนเครื่องพีซีที่ใช้งานตามบ้านหรือสำนักงานในปัจจุบันให้มีขนาดเล็กลงสะดวกในการเคลื่อนย้ายหรือนำติดตัวไปใช้งานในสถานที่ต่าง ๆ ได้

ความแตกต่างระหว่างเดสก์โน้ตบุ๊ค
1. แบตเตอรี่เดสก์โน้ตได้ถูกออกแบบให้มีการนำแบตเตอรี่ออกมาไว้ด้านนอกทำให้ต้องเสียบปลั๊กอยู่ตลอดเวลาที่ใช้งาน
2. ซีพียูของเดสก์โน้ตใช้ซีพียูประเภทเดียวกับพีซีทั่วไป ทำให้สามารถเลือกที่อัพเกรดรุ่นได้ในราคาที่ไม่สูงนัก ต่างกับโน้ตบุ๊คที่ใช้โมบายซีพียู เฉพาะกับโน้ตบุ๊คเท่านั้น จะไม่สามารถเปลี่ยนหรืออัพเกรดได้ ยกเว้นโน้ตบุ๊คที่ใช้ซีพียูแบบเดียวกับพีซี
3. การ์ดแสดงผล ส่วนใหญ่จะติดตั้งมาให้ในเครื่องและไม่สามารถอัพเกรดได้
4. เดสก์โน้ตมีราคาถูกกว่าโน้ตบุ๊ค เนื่องจากคุณสมบัติ ที่ยังแตกต่างกันบางประการ
5. เดสก์โน้ตจะไม่มี Floppy Disk Drive ติดตั้งภายในเครื่อง หากผู้ใช้ต้องการสามารถเพิ่มเติมได้

4.4. แท๊บเล็ตพีซี เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สามารถใช้ปากกาเขียนลงไปบนหน้าจอได้เลยนั้นเอง โดยจะต้องมีซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นมาพิเศษ เพื่อใช้ในเครื่องแบบนี้โดยเฉพาะ และรูปแบบของเครื่องสามารถพลิกหน้าจอได้ แต่ราคาค่อยข้างแพงกว่าโน๊ตบุ๊คและเดสก์โน้ต
4.5. PDA: พีดีเอ เป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพาขนาดเล็กที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการจดบันทึก เก็บข้อมูล เตือนเวลานัดหมาย หรือจัดการงานต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว รวมไปถึงความสามารถของการเพิ่มเติมแอพพลิเคชั่น เพื่อให้ใช้งานด้านอื่น ๆ ได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการยิ่งขึ่น หลัก ๆ ที่รู้จักกันดีมีพีดีเอที่ใช้ในระบบปฏิบัติการ Palm OS หรือที่เรียกว่า Palm และ PDA ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Micro soft Windows Mobile หรือที่เรียกว่าพ็อกเก็ตพีซี
4.6. สมาร์ทโฟน คือการพัฒนาโทรศัพท์ธรรมดาให้กลายเป็นอัจฉริยะนั้นเอง นอกจากรับสายหรือโทรออกแล้ว ยังสามารถถ่ายรูป เล่นอินเตอร์เน็ต รับส่งอีเมล์ เล่นเกมหรือกลายเป็นเครื่อง mp.3
Smart Phone สามารถแบ่งตามประเภทของระบบปฏิบัติการ (Operation System: OS) ได้ 2 ประเภทดังต่อไปนี้
1. Symbian OS 2. Microsoft Smart Phone
5. ปัญหาและข้อจำกัดของการใช้งานคอมพิวเตอร์
5.1 คอมพิวเตอร์ไม่สามารถเข้ามาแทนมนุษย์ได้ 100% เพราะมนุษย์ต้องคอยเป็นผู้ควบคุมและสร้างคำสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้อยู่ดี
5.2 แม้จะมีความสามารถในเรื่องคิดและตัดสินใจได้แทนมนุษย์ แต่ก็สามารถทำได้บางกรณ์เท่านั้น
5.3 ได้รับข้อมูลอย่างไรก็ประมวลไปตามนั้น
ส่วนปัญหาของการใช้งานคอมพิวเตอร์ ที่พบมากที่สุดก็คือ
1. ความรู้ไม่ทันเทคโนโลยี
2. ปัญหาอาชญากรรมคอมพิวเตอร์มากขึ้น
3. มุนษย์ต้องรู้จักเลือกใช้งานคอมพิวเตอร์ให้ถูกวิธี
4. ติตตามข่าวสารเทคโนโลยีทางด้านคอมพิวเตอร์อย่างสม่ำเสมอ
5. ตระหนักถึงจริยธรรมในการใช้งานโดยทั่วไปที่จะไม่สร้างความเสียหายแก่ผู้อื่น

วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

บทที่1 ความหมายและบทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศ

1.ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศ
เทคโนโลยีสารสนเทศ เรียกสั้นๆว่า ไอที หรือ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือเรียกง่ายๆว่า ไอซีที ประกอบด้วยคำว่า เทคโนโลยี และคำว่า สารสนเทศ นำมารวมกันเป็น เทคโนโลยีสารสนเทศ
เทคโนโลยี มีความหมายโดยกว้าง หมายถึงสิ่งที่มนุษย์พัฒนาขึ้น เพื่อช่วยในการทำงานหรือแก้ปัญหาต่าง ๆ
สารสนเทศ หมายถึงข่าวสารที่ได้จากการนำข้อมูลดิบจากแหล่งต่าง ๆ นำมาคำนวณทางสถิติหรือผ่านทางการประมวลผลด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการได้
เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึงการประยุกต์เอาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มาจัดการสารสนเทศที่ต้องการโดยอาศัยเครื่องมือทางเทศโนโยลีใหม่ ๆ เข้ามาช่วยในการจัดการ
เทคโนโลยีสารสนเทศ ประกอบขึ้นจากเทคโนโลยีหลักที่สำคัญ 2 สาขา คือ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และ เทคโนโลยีการสื่อสารและโทรคมนาคม
สาขาที่ 1 เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ หมายถึงเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือที่สำคัญ ในการเก็บบันทึกข้อมูล การประมวลผลข้อมูล ตลอดจนการนำเสนอข้อมูลในรูปแบบต่าง ๆ
สาขาที่ 2 เทคโนโลยีการสื่อสารและโทรคมนาคม ช่วยทำให้แพร่และแลกเปลี่ยนสารสนเทศง่ายมากยิ่งขึ้น สามารถกระจายข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง ครบถ้วนและทันเหตุการณ์

2.บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศ
ความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทำให้มีการพัฒนาคิดค้นสิ่งที่อำนวยความสะดวกสบายต่อการดำรงชีวิตของมุนษย์เป็นอันมาก อาทิเช่น
เทคโนโลยีช่วยเสริมปัจจัยพื้นฐาน เช่น การเพาะปลูก ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค
เทคโนโลยีช่วยทำให้มุนษย์มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สร้างที่พักอาศัยที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน เป็นต้น
เทคโนโลยีช่วยทำให้การผลิตสินค้าและให้บริการต่าง ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของมนุษย์ได้มากขึ้น เช่น การดูสินค้าหรือราคา การสั่งซื้อสินค้าทางโทรศัพท์ หรือทางอินเตอร์เน็ต เป็นต้น
เทคโนโลยีช่วยทำให้ระบบการผลิต สามารถผลิตสินค้าทำได้จำนวนมาก มีราคาถูกลง และได้สินค้าที่มีคุณภาพ
เทคโนโลยีช่วยทำให้การติดต่อสื่อสารเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็วการสื่อสารที่เชื่อมโยงกันอย่างทั่วถึงทำให้ประชากรในโลกสามารถติดต่อสื่อสารและรับฟังข่าวสารจากทั่วมุมโลกได้ตลอดเวลา
3.องค์ประกอบของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ
ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศประกอบขึ้นจากเทคโนโลยีสองสาขาคือ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคม
1.เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือทางอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถจดจำข้อมูลต่าง ๆ และปฏิบัติตามคำสั่งเพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งคอมพิวเตอร์ประกอบด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ ต่อเชื่อกันเรียกว่า ฮาร์ดแวร์ และฮาร์ดแวร์นี้จะต้องทำงานร่วมกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์หรือเรียกว่าซอฟต์แวร์

1.1 ฮาร์ดแวร์ ประกอบด้วย 5 ส่วน
1. อุปกรณ์รับข้อมูล เช่น แป้นพิมพ์ เมาส์ เครื่องสแกนเนอร์ จอภาพสัมผัส ปากกาแสง เครื่องอ่านบัตรแถบแม่เหล็ก
2. อุปกรณ์แสดงผล เช่น จอภาพ เครื่องพิมพ์ และ เทอร์มินัล
3. หน่วยประมวลผลกลาง จะทำงานร่วมกับหน่วยความจำหลักในขณะประมวลผลโดยปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โดยการดึงข้อมูลและคำสั่งที่เก็บไว้ในหน่วยความจำหลักมาประมวลผล
4. หน่วยความจำหลัก มีหน้าที่เก็บข้อมูลที่มาจากอุปกรณ์รับข้อมูลเพื่อใช้ในการคำนวณและผลลัพธ์ของการคำนวณก่อนที่จะส่งไปยังอุปกรณ์แสดงผล รวมทั้งการเก็บคำสั่งขณะกำลังประมวล
หน่วยความจำสำรอง ทำหน้าที่จัดเก็บข้อมูลและโปรแกรมต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้งานในอนาคต
5. ซอฟ์ตแวร์
ซอฟ์ตแวร์เป็นองค์ประกอบที่สำคัญและจำเป็นมากในการควบคุมการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
5.1 ซอฟต์แวร์ระบบมีหน้าที่ควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในระบบคอมพิวเตอร์และเป็นตัวกลางระหว่างผู้ใช้กับคอมพิวเตอร์หรือฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ระบบสามารถแบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ
1. โปรแกรมระบบปฏิบัติการ ใช้ควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงกับเครื่องคอมพิวเตอร์
2. โปรแกรมอรรถประโยชน์ ใช้ช่วยในการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในระหว่างการประมวลผลข้อมูลหรือในระหว่างที่ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์
3. โปรแกรมแปลภาษา เป็นโปรแกรมที่เขียนขึ้นเพื่อทำงานเฉพาะด้านตามความต้องการ ซึ่งซอฟต์แวร์ประยุกต์นี้สามารถแบ่งเป็น 3 ชนิด คือ
5.2 ซอฟต์แวร์ประยุกต์แวร์ประยุกต์ แบ่งออกเป็น 3 ชนิด
1. ซอฟต์แวร์ประยุกต์เพื่องานทั่วไป เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ในงานธรุกิจ เช่น ofice เป็นต้น
2. ซอฟต์แวร์ประยุกต์ใช้เฉพาะงานเป็นซอฟต์แวร์ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ในธรุกิจเฉพาะตามแต่วัตถุประสงค์ของการนำไปใช้
3. ซอฟต์แวร์ประยุกต์อื่น ๆ เป็นซอฟต์แวร์ที่เขียนขึ้นเพื่อความบันเทิงและอื่น ๆ นอกเหนือจากซอฟต์แวร์ประยุกต์สองชนิดข้างต้น
2. เทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคม
เทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมใช้ในการติดต่อสื่อสารรับส่งข้อมูลจากที่ไกล ๆ เป็นการส่งข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์ ช่วยให้การเผยแพร่ข้อมูลหรือสารสนเทศไปยังผู้ใช้ในแหล่งต่าง ๆ เป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็ว ถูกต้อง ครบถ้วนและทันเหตุการณ์ สามารถส่งภาพ ตัวอักษร และเสียงนอกจากนี้เทคโนโลยีสารสนเทศ สามารถจำแนกตามลักษณะการใช้งานได้เป็น 6 รูปแบบ
1.เทคโนโลยีที่ใช้ในการเก็บข้อมูล

2.เทคโนโลยีที่ใช้ในการบันทึกข้อมูล
3.เทคโนโลยีที่ใช้การประมลผลข้อมูล
4.เทคโนโลยีที่ใช้ในการแสดงผลข้อมูล
5.เทคโนโลยีสำหรับถ่ายทอดสื่อสารข้อมูล
4.ความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ
เนื่องจากองค์ประกอบต่าง ๆ ของเทคโนโลยีสารสนเทศ มีการพัฒนาให้มีความสามารถและมีประสิทธิ์ภาพมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้องค์กรธุรกิจต้องนำความสามารถและความรวดเร็วของเทคโนโลยีสารสนเทศมาช่วยในการดำเนินงานด้านต่าง ๆ
ตัวอย่างประโยชน์ที่ได้รับจากกการนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้ในองค์กร
1.ช่วยเพิ่มผลผลิตและประสิทธิภาพในการทำงาน
2.ช่วยจัดระบบสารสนเทศที่มีอยู่ให้มีระเบียบ
3.ช่วยให้การสื่อสารมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น
4.เทคโนโลยีสารสนเทศบางอย่างเป็นอัตโนมัติ สามารถเข้าถึงสารสนเทศได้จากแหล่งอื่น เมื่อใดก็ได้ เช่น atm เป็นต้น
5.ทำให้มีการกระจายโอกาสการเรียนรู้
6.ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต
7.ช่วยลดจำนวนบุคลากรในการผลิตสารสนเทศ
8.ช่วยประหยัดค่าใข้จ่ายระยะยาว
5.การเลือกใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
1.การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบัน คือการนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในธรุกิจ ด้าการติดต่อสื่อสาร อีกทั้งข้อมูลที่ได้รับ โดยเทคโนโลยีที่นิยมมาใช้ในปัจจุบัน เช่น
1.1เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
1.2เทคโนโลยีฐานข้อมูล
1.3เทคโนโลยีด้านการรับชำระหนี้ค่าสินค่าหรือบริการ
1.4เทคโนโลยีอีคอมเมิร์ซ
1.5เทคโนโลยีด้านความมั่นคงของระบบข้อมูล
1.6เทคโนโลยีการดิจิทัลให้เหมาะสมที่สุด
1.7เทคโนโลยีไร้สาย
1.8เทคโนโลสำนักงานเสมือน
1.9เทคโนโลยีระบบประยุกต์ด้านการสื่อสาร
2.แนวโน้มเทคโนโลยีสารสนเทศในอนาคต ผู้บริหารขององค์กรควรคำนึงถึงการคัดเลือกเทคโนโลยีสารสนเทศที่กำลังได้รับการพัฒนา ทั่งในปัจจุบันและในอนาคต ดังนี้
2.1 ชิป ปัจจุบันได้มีการผลิตชิปอิเล็กทรอนิกส์ โดยถูกนำมาใช้กับการปฏิบัติงานด้วยเครือข่ายสื่อสารด้วยแส่ง จึงส่งผลให้มีความเร็วในการประมวลผลที่เหนือกว่าระบบคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่เดิมถึง 500 เท่า
2.2 หน่วยเก็บ การปรับปรุงประสิทธิภาพของหน่วยเก็บควบคู่กันไปความเร็วในการประมวลผลของชิป การเก็บข้อมูลในปริมาณมากมีความจำเป็นต่อการประยุกต์ขั้นสูง
2.3 สภาพแวดล้อมเชิงออบเจกต์ โดยส่งผลให้มีการลดต้นทุนการเขียนโปรแกรมและการบำรุงรักษาระบบสารสนเทศเข้าไปด้วย
2.4 เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ซ่อมบำรุงด้วยตนเอง
2.5 คอมพิวเตอร์แบบควอนตัม เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่พัฒนามาใหม่ที่ความเร็วและการประมวลผลที่มีความละเอียดมากกว่าซูปเปอร์คอมพิวเตอร์
2.6 นาโนเทคโนโลยี
6.ประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศ
1. ช่วยเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
2. ช่วยทำให้เกิดความเท่าเทียมในสังคมเทคโนโลยีสารสนเทศที่กระจายไปทั่วทุกคนที่สนใจ มีโอกาสในการเรียนรู้ที่เท่าเทียมกัน
3. ประโยชน์ต่อการเรียนการสอนในโรงเรียน
4. ประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรทางธรรมชาติหลากหลาย
5. ประโยชน์ต่อการป้องกันประเทศ ในด้านการทหารต่าง ๆ เป็นต้น
6. ประโยชน์ด้านอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรม

_______________________


แบบฝึกหัด

1/ความหมายคำว่า"เทคโนโลยี - หมายถึงสิ่งที่มนูษย์พัฒนา เพื่อช่วยในการทำงานหรือแก้ใขปัญหาต่าง ๆ เช่นอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องจักร วัสดุ
2/ความหมายของคำว่า"สารสนเทศ" - ข่าวสารที่ได้รับจากการนำข้อมูลดิบ จากแหล่งต่าง ๆ คำนวณด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อให้ได้พลลัพธ์ตามที่ต้องการเรียกว่า "สารสนเทศ"
3/ความหมายของคำว่า"เทคโนโลยีสารสนเทศ" - หมายถึงของการประยุคเอาความรู้ด้านวิทยาศาสตร์มาจัดการสารสนเทศที่ต้องการโดยอาศัยเครื่องมือทางด้านเทคโนโลยี
4/ความหมายของคำว่า"เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์" - หมายถึงเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือที่สำคัญ ในการเก็บข้อมูลการประมวลผลข้อมุล
5/ความหมายของว่า" เทคโนโลยีการสื่อสารและการโทรคมนาคม" - ช่วยมำให้การเผยแพร่และการแลกเปลี่ยนสารสนเทศงายขึ้น และสารมารถกระจายข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว
6/องค์ประกอบของเทคโนโลยีสารสนเทศ - 1.เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ 2.โปรแกรมอรรถประโยชน์ 3.โปรแกรมแปลถาษา
7/ตัวอย่างประโยชน์ที่ได้รับจากการนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้ในองค์กร คือ 1.ช่วยเพิ่มผลผลิตและประสิทธิภาพในการทำงาน 2.ช่วยจัดการระบบสารสนเทศที่มีอยู่อย่างมากมายให้มีระบบ 3. ช่วยให้การสื่อสารมีความรวดเร็ว 4. เทคโนโลยีบางอย่างเป็นอัตโนมัติ สามารถเข้าถึงสาสนเทศได้จากแหล่งอื่น 5. ทำทำให้มีการกระจายโอกาศในการเรียนรู้ 6. ช่วยเพิ่มประสิทธิในการผลผลิตสารสนเทศ 7. ช่วยลดจำนวณบุคคลกรในการประมวลผลและผลิตสารสนเทศ 8. ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
8/ตัวอย่างโปรแกรมระบบปฏิบัติการ (อย่างน้อย 3 โปรแกรม) 1.microsotf word 2. microsotf excel 3. microsotf powerpiont
9/ยกตัวอย่างแนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศในอนาคต 1.ชิป 2.หน่วยเก็บ 3. สภาพแวลล้อมเชิงออบเจกต์ 4. เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ซ่อมบำรุงด้วยตัวเอง 5. คอมแบบควอนตัม 6.นาดนเทโนโลยี
10/ประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีต่อสิ่งแวดล้อม คือ เช่น ป่า เขา แม่น้ำและถูกทำลายไปโดยผีมือมนุษย์มากมาย ในการดูแลและบำรุงรักษาต้องใช้เทคโนโลยีในการเก็บข้อมูล
ตอน 2
1/ง
2/ง
3/ง
4/ค
5/ง
6/ข
7/ค
8/ก
9/ก
10/ค
11/ง
12/ค
13/ค
14/ง
15/ง