วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

บทที่ 2 ความหมายและประเภทของคอมพิวเตอร์

1.ความหมายของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถอ่าน และบันทึกข้อมูลตลอดจนรับคำสั่ง เพื่อแก้ไขปัญหาหรือทำการคำนวณที่สลับซับซ้อน และแสดงผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ
2.ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์
2.1 คอมพิวเตอร์กับการใช้งานของภาครัฐ คือ การเอาคอมพิวเตอร์เข้ามาประยุกต์ใช้งานทะเบียนราษฎร์ เช่น แจ้งเกิด ตาย ย้ายที่อยู่ เปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนตัวอื่น ๆ
2.2 คอมพิวเตอร์กับงานธรุกิจทั่วไป คือ การนำเอาคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้งานเพื่อประโยชน์ของการประมวลที่รวดเร็ว ตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
2.3 คอมพิวเตอร์กับงานสายการบิน คือ การนำเอาระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้เกี่ยวกับเรื่องการสำรองที่นั่งผู้โดยสาร ซึ่งสามารถทำให้การตรวจเช็ครายการต่าง ๆ เกี่ยวกับเที่ยวบินทำให้งานง่ายและสะดวกมากขึ้น
2.4 คอมพิวเตอร์กับงานด้านการศึกษา ปัจจุบันการศึกษาได้ให้ความสำคัญการนำเอาคอมพิวเตอร์มาใช้ในการสอนคือ E-Education และรูปแบบการเรียนการสอนที่มาใช้เป็นสื่อการสอน (CAI: Computer Assisted Instrution) และ E-Learning เป็นการใช้ระบบเครื่อข่ายอินเตอร์เน็ตให้กับผู้เรียนที่อยู่ห่างไกลหรือไม่สะดวกในการเข้าเรียน
2.5 คอมพิวเตอร์กับธุรกิจการนำเข้าและส่งออก สามารถใช้ระบบ EDI (Electronic Data Inter change) มาใช้ในการออกเอกสารเป็นไปได้ง่ายยิ่งขึ้น หรือการใช้ E-Commerce ในการซื้อขายสินค้าได้ทั่วโลกและลดเวลาที่จะมาซื้อด้วยตนเอง
2.6 คอมพิวเตอร์กับงานธนาคาร นำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการให้บริการที่เรียกกันว่า "ธนาคารอิเล็กทรอนิกส์" E-Banking เพื่อความสะดวกสบายหรือการใช้
2.7 คอมพิวเตอร์กับงานวิทยาศาสตร์ เป็นการนำเอาคอมพิวเตอร์มาใช้ช่วยในการคำนวณและจำลองแบบ ได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ
2.8 คอมพิวเตอร์กับงานการแพทย์ เป็นการทำงานที่มีการนำเอาคอมพิวเตอร์มาใช้งานในการวินิจฉัยโรคและตรวจสอบอาการของคนไข้
3.ประเภทของคอมพิวเตอร์
1.แบ่งตามลักษณะของข้อมูล มี 3 ประเภท
1.1อนาล๊อกคอมพิวเตอร์ เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้เฉพาะอย่าง การทำงานใช้หลักการวัดข้อมูลที่ป้อนเข้าไปต้องเป็นข้อมูลไฟฟ้าที่มีค่าต่อเนื่อง ค่าสัญญาณไฟฟ้าอาจแทนอุณหภูมิความเร็วหรือความดัน การรับข้อมูลอาจจะรับจากแหล่งที่เกิดโดยตรง แล้วจะแสดงผลลัพธ์ออกมาทาง จอภาพ สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมากเหมือนกับดิจิตอล
1.2 ดิจิตอลคอมพิวเตอร์ เป็นคอมพิวเตอร์โดยใช้หลักกการนับ ข้อมูลที่ป้อนเข้าไปต้องเป็นตัวเลขและให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นตัวเลขดิจิตอล มีความละเอียดถูกต้องในการคำนวณมากกว่าอนาล็อกคอมพิวเตอร์สามารถเก็บข้อมูลได้เป็นจำนวนมาก
1.3 ไฮบริดคอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานกับเฉพาะอย่าง การทำงานจะใช้เทคนิคของอนาล็อกและดิจิตอลมาผสมกัน
2. แบ่งตามขนาดและความสามารถมี 5 ประเภทคือ
2.1 ซูปเปอร์คอมพิวเตอร์ เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงสุด และมีราคามแพงที่สุด เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีสมรรถนะสูง สามารถทำให้การประมวลผลในงานต่าง ๆ กันในเวลาพร้อมกันภายใน 1 นาที
เทียบกับคอมพิวเตอร์เครื่อง PC อาจใช้เวลาหลายสัปดาห์
2.2 เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ ทำงานร่วมกับอุปกรณ์หลาย ๆ อย่างด้วยความเร็วสูงใช้งานในธุรกิจขนาดใหญ่ สามารถเก็บข้อมูลที่มีปริมาณมาก ๆ
2.3 มินิคอมพิวเตอร์ เป็นคอมพิวเตอร์ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้กับงานเฉพาะอย่าง ใช้ในการสื่อสารข้อมูล ถูกนำมาใช้ในการประมวลผลคำ งานในโรงงานอุตสาหกรรมที่ควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติและใช้กับโปรแกรมประยุกต์ในการทำงาน หลาย ๆ อย่าง
2.4 ไมโครคอมพิวเตอร์ เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีผู้นิยมกันใช้กันมากที่สุด เพราะมีราคาถูก หรือเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล หรือเรียกสั้น ๆ ว่า "เครื่อง PC"
2.5 คอมพิวเตอร์มือถือ เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็ก แต่ขีดจำกัดความสามารถ มีหน่วยความจำไม่มาก คอมพิวเตอร์มือถือมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า "พ็อกเก็ตพีซี"
4. คอมพิวเตอร์ยุคใหม่ เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ตัวรุ่นใหม่ ๆ มีการปรับปรุงขนาดให้เล็กลงและมีรูปแบบที่แปลกตามากยิ่งขึ้น มีการออกแบบที่เน้นรูปแบบภายนอก มีการเชื่อมต่ออุปกรณ์สมัยใหม่สามารถชมรายการภาพยนตร์ดังได้อย่างชัดสีสวยสมจริง รวมถึงสื่อเก็บบันทึกข้อมูลแบบพกพา ที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้งานไว้ เช่น คอมพิวเตอร์โน้ตบุคยุคใหม่
4.1 เดสก์ท๊อป เป็นคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะที่ใช้ในสำนักงานหรือตามบ้านทั่วไป นิยมใช้สำหรับพิมพ์รายงาน หรือการใช้งานทั่วไป
4.2 โน้ตบุ๊คยุคใหม่ เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กและบางลง น้ำหนักเบาเพียง 1 กิโลกรัม ใช้แบตเตอรี่ 3-cell เนื่องจากใช้จอแสดงผลขนาด 11.1 นิ้ว และใช้ออปติคอลไดรว์แบบภายนอกแทนที่จะอยู่ในตัวเครื่อง ทำให้สามารถพักพาได้สะดวกมากขึ้น
4.3 เดสก์โน้ต หรือเพาเวอร์โน้ต เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา ที่มีรูปลักษณ์คล้ายกับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ต ลักษณะของโน้ตบุคเปรียบเสมือนการย่อส่วนเครื่องพีซีที่ใช้งานตามบ้านหรือสำนักงานในปัจจุบันให้มีขนาดเล็กลงสะดวกในการเคลื่อนย้ายหรือนำติดตัวไปใช้งานในสถานที่ต่าง ๆ ได้

ความแตกต่างระหว่างเดสก์โน้ตบุ๊ค
1. แบตเตอรี่เดสก์โน้ตได้ถูกออกแบบให้มีการนำแบตเตอรี่ออกมาไว้ด้านนอกทำให้ต้องเสียบปลั๊กอยู่ตลอดเวลาที่ใช้งาน
2. ซีพียูของเดสก์โน้ตใช้ซีพียูประเภทเดียวกับพีซีทั่วไป ทำให้สามารถเลือกที่อัพเกรดรุ่นได้ในราคาที่ไม่สูงนัก ต่างกับโน้ตบุ๊คที่ใช้โมบายซีพียู เฉพาะกับโน้ตบุ๊คเท่านั้น จะไม่สามารถเปลี่ยนหรืออัพเกรดได้ ยกเว้นโน้ตบุ๊คที่ใช้ซีพียูแบบเดียวกับพีซี
3. การ์ดแสดงผล ส่วนใหญ่จะติดตั้งมาให้ในเครื่องและไม่สามารถอัพเกรดได้
4. เดสก์โน้ตมีราคาถูกกว่าโน้ตบุ๊ค เนื่องจากคุณสมบัติ ที่ยังแตกต่างกันบางประการ
5. เดสก์โน้ตจะไม่มี Floppy Disk Drive ติดตั้งภายในเครื่อง หากผู้ใช้ต้องการสามารถเพิ่มเติมได้

4.4. แท๊บเล็ตพีซี เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สามารถใช้ปากกาเขียนลงไปบนหน้าจอได้เลยนั้นเอง โดยจะต้องมีซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นมาพิเศษ เพื่อใช้ในเครื่องแบบนี้โดยเฉพาะ และรูปแบบของเครื่องสามารถพลิกหน้าจอได้ แต่ราคาค่อยข้างแพงกว่าโน๊ตบุ๊คและเดสก์โน้ต
4.5. PDA: พีดีเอ เป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพาขนาดเล็กที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการจดบันทึก เก็บข้อมูล เตือนเวลานัดหมาย หรือจัดการงานต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว รวมไปถึงความสามารถของการเพิ่มเติมแอพพลิเคชั่น เพื่อให้ใช้งานด้านอื่น ๆ ได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการยิ่งขึ่น หลัก ๆ ที่รู้จักกันดีมีพีดีเอที่ใช้ในระบบปฏิบัติการ Palm OS หรือที่เรียกว่า Palm และ PDA ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Micro soft Windows Mobile หรือที่เรียกว่าพ็อกเก็ตพีซี
4.6. สมาร์ทโฟน คือการพัฒนาโทรศัพท์ธรรมดาให้กลายเป็นอัจฉริยะนั้นเอง นอกจากรับสายหรือโทรออกแล้ว ยังสามารถถ่ายรูป เล่นอินเตอร์เน็ต รับส่งอีเมล์ เล่นเกมหรือกลายเป็นเครื่อง mp.3
Smart Phone สามารถแบ่งตามประเภทของระบบปฏิบัติการ (Operation System: OS) ได้ 2 ประเภทดังต่อไปนี้
1. Symbian OS 2. Microsoft Smart Phone
5. ปัญหาและข้อจำกัดของการใช้งานคอมพิวเตอร์
5.1 คอมพิวเตอร์ไม่สามารถเข้ามาแทนมนุษย์ได้ 100% เพราะมนุษย์ต้องคอยเป็นผู้ควบคุมและสร้างคำสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้อยู่ดี
5.2 แม้จะมีความสามารถในเรื่องคิดและตัดสินใจได้แทนมนุษย์ แต่ก็สามารถทำได้บางกรณ์เท่านั้น
5.3 ได้รับข้อมูลอย่างไรก็ประมวลไปตามนั้น
ส่วนปัญหาของการใช้งานคอมพิวเตอร์ ที่พบมากที่สุดก็คือ
1. ความรู้ไม่ทันเทคโนโลยี
2. ปัญหาอาชญากรรมคอมพิวเตอร์มากขึ้น
3. มุนษย์ต้องรู้จักเลือกใช้งานคอมพิวเตอร์ให้ถูกวิธี
4. ติตตามข่าวสารเทคโนโลยีทางด้านคอมพิวเตอร์อย่างสม่ำเสมอ
5. ตระหนักถึงจริยธรรมในการใช้งานโดยทั่วไปที่จะไม่สร้างความเสียหายแก่ผู้อื่น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น